วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

ครั้งที่ 5

บันทึกการเรียนครั้งที่ 5
วันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2559
เวลา08:30 - 12:30 น.




สอบกลางภาค

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

ครั้งที่ 4

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4
วันจันทร์ ที่ 19 กันยายน 2559
เวลา 08:30 - 12:30 น.


เนื้อหาที่เรียน 

เรียนด้วยตนเอง และมีการบ้าน ให้ทำเป็นกลุ่ม

ครั้งที่ 3

บันทึกการเรียนครั้งที่ 3
วันจันทร์ ที่ 12 กันยายน 2559
เวลา 08:30 - 12:30 น.

เนื้อหาที่เรียน 

STEM / STEAM Education


STEM” คืออะไร 

(
ชลาธิป สมาหิโต: 2557)

เป็นการจัดการศึกษาแบบบูรณาการความรู้ทาง

วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ

คณิตศาสตร์
นำลักษณะทางธรรมชาติของแต่ละสาระวิชามาผสม

ผสานและจัดเป็นการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน

เน้นการนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาในชี

วิตจริง รวมทั้งการพัฒนากระบวนการผลิตใหม่ ที่เป็น

ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตและการทำงาน

STEM Education (สะเต็มศึกษา)
Science
Technology
Engineering
Mathematics

Science (วิทยาศาสตร์)
การเรียนรู้เรื่องราวของธรรมชาติ
เช่น ปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งวิทยาศาสตร์นั้นมีเป้าหมายหลักเพื่อใช้อธิบายกฎเกณฑ์หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามธรรมชาติโดยใช้หลักและระเบียบวิธีการทางวิทยาศาสตร์

Technology (เทคโนโลยี) 
วิทยาการที่นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม 
(ราชบัณฑิตยสถาน: 2557, 580)
สิ่งที่เราสร้างหรือพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิต
ไม่ใช่มีความหมายเพียงแค่คอมพิวเตอร์หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น แต่หมายรวมไปถึงสิ่งประดิษฐ์ตามยุคสมัยต่าง ๆ อย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือรวมไปถึงเครื่องใช้ทั่วไปอย่าง ยางลบ, มีด, กรรไกรกบเหลาดินสอ เป็นต้น

Engineering(วิศวกรรมศาสตร์)
ทักษะกระบวนการในการออกแบบ สร้างแบบ รวมไปถึงการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหา โดยการใช้องค์ความรู้ด้านต่าง ๆ มาสร้างสรรค์ออกแบบผลงานที่ใช้งานได้จริง
กระบวนการในการทำงานของวิศวกรรมศาสตร์นั้น สามารถนำมาบูรณาการกับหลักแนวคิดของ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และคณิตศาสตร์ได้ (ยศวีร์ สายฟ้า: 2557, 1)
ช่วยส่งเสริมทำให้เกิดการพัฒนาทางความคิดออกแบบสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น

Mathematic (คณิตศาสตร์)
วิชาที่ว่าด้วยเรื่องของการคำนวณ (ราชบัณฑิตยสถาน:2557, 225)
เป็นการเรียนรู้ในเรื่องราวของจำนวน ตัวเลข รูปแบบ ปริมาตร รูปทรงต่างๆ รวมไปถึงแบบรูป
และความสัมพันธ์ (พีชคณิต) ฯลฯ
ทักษะทางคณิตศาสตร์นี้เป็นทักษะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกแขนงวิชา เพราะเป็นศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้ มีความแม่นยำ
เรายังสามารถพบคณิตศาสตร์ได้ในชีวิตประจำวันของเราแทบจะทุกที่ทุกเวลาอีกด้วย 

“STEM” กับการจัดการเรียนการสอนระดับปฐมวัย
STEM” แทรกเข้าไปในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหน่วยที่ครูจัดขึ้น หรือเลือกตามหน่วยที่เด็กสนใจได้อย่างหลากหลาย จะทำให้เด็กสนุกกับการเรียนในห้องมากขึ้น
การศึกษาแบบ “STEM” เป็นการศึกษาที่ช่วยทำให้เด็กอยากเรียนรู้ด้วยตนเอง เปลี่ยนการเรียนแบบท่องจำมาเป็นการเรียนรู้แบบลงมือทำ ปฏิบัติจริง ทดลอง สืบค้น และใช้วัสดุอุปกรณ์
ทำให้เด็กได้ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ ได้รับความสนุกสนาน และมีความสนใจในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ มากยิ่งขึ้น 

STEM นมมาจากไหน

Science

Technology

Engineering

Mathematics



STEAM Education
การนำ “STEM” มาบูรณาการกับทักษะทางศิลปะ “Art”
เพื่อจะทำให้เด็กได้ใช้ความคิดสร้าง
สรรค์ และมีจินตนาการในการออกแบบชิ้นงานนั้น ๆ ให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมทำในห้องเรียน


อุปกรณ์ทำผีเสื้อ
วิธีทำ ตัดกระดาาเป็นปีกผีเสื้อในรูปแบบใดก็ได้ แล้วเอามาติดกันนิดหนึ่ง
แล้วเอาไม้ไอติมมาปะกบกลาง และตกแต่งให้สวยงามตามที่ต้องการ


ผลงานที่ทำเสร็จแล้ว



กิจกรรมที่ 2

อุปกรณ์ทำกรงผีเสื้อ
1 กิ่งไม้แห้ง
2 ดอกไม้ ใบไม้


ทำทรงกรง


สร้างกรงเสร็จเอาผ้าห่อให้ผีเสื้ออยู่


กิจกรรมที่ 3

ทำวีดีโอวงจรผีเสื้อ

การนำไปประยุกต์ใช้

 การนำความรู้ที่ได้ไปฝึก พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ว่าตรงไหนที่เรา

บกพร่องจะได้ทำให้มันดีขึ้นมา และหาแนวทางวิธีการทำในหลาย

รูปแบบเพื่อตนเองจะได้ความรู้ในหลายด้าน



การประเมิน
ประเมินตนเอง

- ตั้งใจเรียน สนุกกับการเรียน และได้แสดงความเห็นในกลุ่ม 

และได้การเรียนรู้ต่างคนต่างความคิด การคิดวิธีใหม่ ๆ เพื่อทำให้

งานกลุ่มออกมาดี 


ประเมินเพื่อน

- เพื่อนดูสนุกกับการทำกิจกรรม และตั้งใจกันทำกิจกรรม และ 

เพื่อนตั้งใจทำงาน งานเพื่อนออกมาดีมาก ทุกคน และ ทุกคนก็

สนุกและสนใจในการทำกิจกรรมมาก


ประเมินอาจารย์

- อาจารย์สอนเนื้อหาสนุก และเข้าใจง่าย การเรียนการสอนมี

ความสนุกสนาน และ อาจารย์เตรียมกิจกรรมในการสอนมาได้ 

สนุกและได้เปิดโอกาสให้คิด 






วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

ครั้งที่ 2

บันทึกการเรียนครั้งที่ 2
วันจันทร์ ที่ 5 กันยายน 2559
เวลา 08:30 - 12:30 น.


เนื้อหาที่เรียน

การเล่นเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
การเล่น
กระบวนการเรียนรู้ และประสบการณ์ที่เด็กได้รับ
ทำให้เด็กเกิดความสนุกเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย
ปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนและสิ่งแวดล้อม 
แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับการเล่น
Piaget กล่าวถึงพัฒนาการการเล่นของเด็กว่ามี 3 ขั้น ดังนี้
1. ขั้นการเล่นโดยใช้ประสาทสัมผัส
(
Sensorimotor Play)
สำรวจ จับต้องวัตถุ
ยุติลงเมื่อเด็ก 2 ขวบ
2. ขั้นการเล่นสร้างสรรค์ (Constructive Play)
อายุ 1 ½ - 2 ปี
การเล่นที่ไม่มีขอบเขตจำกัด
เล่นด้วยความพอใจมากกว่าคำนึงถึงความเป็นจริง
3. ขั้นการเล่นที่ใช้สัญลักษณ์ (Symbolic Play)
2 ขวบขึ้นไป
สามารถพัฒนาการเต็มที่เมื่ออายุ 3-4 ขวบ
เกิดขึ้นเมื่อเด็กสามารถจำและสมมติสิ่งของเครื่องเล่นต่างๆที่ไม่มีอยู่ที่นั่น
ลักษณะการเล่นที่ใช้สัญลักษณ์ที่นับว่าเป็นพัฒนาการสูงสุด คือ การเล่นบทบาทสมมติ
ประเภทของการเล่นเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์
การเล่นในร่ม
การเล่นตามมุมประสบการณ์
การเล่นสรรค์สร้าง
การเล่นสรรค์สร้าง
การเล่นที่ให้โอกาสเด็กคิดค้นวิธีเล่นอย่างอิสระ และเล่นได้หลายวิธี
ใช้ความคิดพลิกแพลงวิธีเล่นให้แตกต่างไปจากเดิม
เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจด้วยตนเอง

องค์ประกอบของการเล่นสรรค์สร้าง(Formann and Hill, 1980)
1. สภาวะการเรียนรู้
เนื้อหาของสาระการให้ความรู้แก่เด็กโดยจัดสถานการณ์ให้เด็กเกิดการเรียนรู้
การเรียนรู้คุณลักษณะและความเหมือน
การเรียนรู้เกี่ยวกับการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งของและผู้อื่น
การเรียนรู้และจินตนาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
การเรียนรู้เหตุและผล
การเรียนรู้คุณลักษณะและความเหมือน



การเรียนรู้คุณลักษณะและความเหมือน
 




การเรียนรู้คุณลักษณะและความเหมือน

อันไหนขงจริง อันไหนภาพวาด

เฉลย ฝั่งซ้ายของจริง


การเรียนรู้และจินตนาการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
การไหลของจากการเอียงซ้ายขาวและน้ำหนักของสิ่งของ

การเรียนรู้เหตุและผล



2. พัฒนาการของการรู้คิด
ต้องจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก

3. กระบวนการเรียนและกระบวนการสอน
กระบวนการเรียนรู้
กระบวนการจัดประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้

กระบวนการจัดประสบการณ์เพื่อการเรียนรู้
เปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องสับเปลี่ยน
การเรียนรู้เกี่ยวกับตรงกลาง
การจำแนกอย่างมีเหตุผล

หลักการจัดกิจกรรมการเล่นสรรค์สร้าง
ศึกษาสภาพของเด็กและกำหนดขอบข่ายความสามารถของเด็ก
ศึกษาสภาพแวดล้อม จัดเตรียมสื่อและกิจกรรมให้เหมาะสม
มีส่วนร่วมกับเด็กในจังหวะเวลาที่เหมาะสม
มีการสรุปท้ายกิจกรรม

กิจกรรมการเรียน

ต่อให้ได้สูงที่สุด เท่าที่ทำได้ภายใน 5 นาที

ครั้งที่ 1 ได้ 35
ครั้งที่ 2 ได้ 47
ครั้งที่ 3 ได้ 52

เกิดการพัฒนาตั้งแต่แรก

กิจกรรมที่ 2
พับเรือ โดยแบ่งเป็นกลุ่ม ทำให้เรือขนของให้ได้มากที่สุดเทาทำได้









ตอนเอาของมาใส่เรือ




กิจกรรมที่ 3 
หนังสือพิมพ์
ให้ออกแบบชุดและให้เพื่อนในกลุ่มแต่งชุดนั้นคนหนึ่งโดยดี"ซออกมา และแรงบันดาลใจได้จากอะไร




การนำไปประยุกต์ใช้
  การนำความรู้ที่ได้รับ นำไปบอกต่อ


การประเมิน
ประเมินตนเอง
- ตั้งใจเรียน สนุกกับการเรียน เรียนแล้วไม่ง่วง


ประเมินเพื่อน
- เพื่อนดูสนุกกับการทำกิจกรรม และตั้งใจกันทำกิจกรรม

ประเมินอาจารย์
- อาจารย์สอนเนื้อหาสนุก และเข้าใจง่าย การเรียนการสอนมัความสนุกสนาน